มีคนพูดไว้ว่า การทำงานประจำไปนาน ๆ เราจะเริ่มติดอยู่กับกับดักที่มองไม่เห็น เช่น เงินเดือนประจำ ที่พอสิ้นเดือนก็ได้รับประจำ, ตำแหน่งที่บริษัทมอบให้ (แต่เราลืมคิดไปว่าเค้าให้ยืมมาแค่ชั่วคราว), ความมั่นคง (ที่เราคิดเอาเองว่าได้รับเงินเดือนทุกเดือน สิ้นปีมีโบนัส นั้นเป็นสิ่งที่มั่นคง ?) ทุกสิ่งที่พูดมานี้ล้วนเป็นกับดักที่มองไม่เห็น เราและใครอีกหลาย ๆ คนก็กำลังติดกับดักนี้อยู่ 



บางคนทำงานมาเป็น 10 ปี 20 ปี จึงยากที่เปลี่ยนแปลงและริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตนเอง บางคนอาจจะพอใจกับเงินเดือนและหัวโขนที่เค้าให้ยืมมา แต่จะรู้ตัวอีกทีก็ถึงวันที่เค้าขอสิ่งเหล่านั้นกลับคืน หากไม่มีการเตรียมการที่จะรองรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในวันนี้แล้ว เมื่อ Deadline มาถึงเมื่อไหร่แล้วจะหาที่ยืนของตนเองได้อย่างไร และเราก็ไม่อาจทราบได้ว่า Deadline ของแต่ละคนนั้นจะมาช้าหรือเร็วเพียงใด ดังคำกล่าวที่ว่า "สิ่งแน่นอนนั้น คือสิ่งที่ไม่แน่นอน" อาจจะเป็นพรุ่งนี้ สัปดาห์นี้ เดือนนี้ หรือปีนี้ ก็ได้ 



"พนักงานประจำส่วนใหญ่ทำงานเพียงแค่พอจะไม่ถูกไล่ออก ส่วนบริษัทก็ให้เงินเดือนและสวัสดิการเพียงแค่จะไม่ให้พนักงานลาออก"

คำกล่าวข้างต้นนี้เป็นจริงเสียยิ่งกว่าจริง ดังนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่า การมองหาความมั่นคงในการเป็นพนักงานกินเงินเดือนอยู่นั้นไม่มีจริง ในชีวิตคนเรานั้นมีความเสี่ยงอยู่ทุกขณะ ทุกเวลา และทุกการกระทำ คุณลองนั่งพิจารณาให้ดี ๆ ก็จะมองเห็นถึงความเสี่ยงที่ว่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อในทุกช่วงเวลาของเรามีความเสี่ยงอยู่แล้ว ทำไมเราไม่มาลองเสี่ยงเพื่อตนเองดูบ้างล่ะ ? เป็นคำถามที่น่าคิด...

ส่วนตัวผมเอง การทำงานในชีวิตของการเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในปีนี้ (2557) 1. ผมถูกย้ายที่ทำงาน (ทำบริษัทเดิมแต่ย้ายสาขา) ให้ไปไกลกว่าเดิม 2. ค่าใช้จ่ายในการเดินทางหลักเพิ่มขึ้น 3. ค่าใช้จ่ายในการเดินทางส่งลูกไปโรงเรียนเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว 4. ต้องตื่นเช้ากว่าเดิมอีก 1 ชม.

ทางแก้ปัญหาเพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางคือผมใช้จักรยานปั่นมาทำงานทุกวัน ไป-กลับ ประมาณ 45 กม. และเป็นการซ้อมปั่นจักรยานไปในตัว ที่สำคัญได้สุขภาพแข็งแรงขึ้น แต่ก็เสี่ยงอุบัติเหตุบ้างบางช่วง ต้องคอยระวังหลังช่วงที่ออกสู่ถนนใหญ่เพราะรถยนต์บรรทุกเยอะพอสมควร นี่คือการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของผม ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงไปไม่มากแต่ก็มีผลกระทบต่อครอบครัวพอสมควร แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด ๆ ก็คือความไม่แน่นอน และก็ไม่รู้ว่าอีก 2-3 ปี ข้างหน้าจะต้องย้ายไปไหนอีก 

เพราะฉะนั้น เมื่อหันกลับมามองตัวเอง มาคิดถึงเส้น Deadline ของตัวเอง ถึงแม้จะยังมองไม่เห็นว่าเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ควรประมาท ซึ่งก็ต้องเร่งทำงานไม่ประจำที่กำลังทำอยู่ ให้มาแทนที่งานประจำนี้ให้ได้ตามเงื่อนไขที่เคยกำหนดไว้ เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราต้องคืนสิ่งที่เค้าให้ยืมมาในอนาคต เราก็ยังมีสิ่งที่เป็นของ ๆ เราไว้คอยซับพร็อตให้เรามีอนาจักรเป็นของตัวเอง หรือที่เรียกว่าการเป็นนายตัวเองนั่นแหละ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่เมื่อได้ลงมือแล้วและหากไม่ย่อท้อ ความสำเร็จก็จะมาถึงในไม่ช้าอย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้ ผมอยากบอกกับทุกท่านที่ยังเป็นพนักงานประจำกินเงินเดือนอยู่ว่า อยากให้มองเห็นถึงกับดักนี้ และหาทางเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้กับตัวเอง การถลำลึกเข้าสู่กับดักนี้แล้วมันยากที่จะถอนตัวออกมา เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร จะมีชีวิตที่มีคุณค่าต่อไปอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องคิดกันล่วงหน้าไว้ได้แล้ว... ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่าน ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ