มนุษย์ทุกคนย่อมมีฝัน แล้วแต่ว่าฝันของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร บางคนฝันเล็ก บางคนฝันใหญ่  ก็สุดแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน การมีความฝันที่ใหญ่หรือเล็กไม่ใช่เรื่องผิด ทุกคนสามารถฝันถึงสิ่งต่าง ๆ ได้ทั้งนั้น และผมก็มีฝันเช่นกัน...

Image courtesy of [federico stevanin] / FreeDigitalPhotos.net

สวัสดีครับทุกท่าน ช่วงปลายปีและเป็นช่วงฤดูหนาวอย่างนี้ รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ  ผมได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่าคนเราย่อมมีฝันกันทุกคนและตัวผมเองก็มีความฝันเช่นกัน ฝันของผมอาจจะใหญ่ไปซักนิ๊ด แต่ก็นั่นแหละหากเราฝันเล็ก ๆ หรือตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เมื่อทำความฝันให้เป็นจริงได้คุณค่าที่ได้มันก็ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่ ดังคำที่ว่า “ฝันให้ไกลถึงดวงจันทร์ แต่ถ้าไปไม่ถึงก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว”

ผมฝันอยากมีชีวิตที่อิสระ ปลดจากพันธนาการทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นพันธนาการด้านการงาน การเงิน และชีวิต มีฝันที่อยากท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ ตามใจปรารถนา โดยไม่ต้องห่วงเรื่องการหารายได้ แต่การจะทำตามความฝันอย่างนั้นได้ ก็ต้องมีการวางแผนในเป้าหมายให้ดี และมุ่งมั่นเดินตามแผนให้สำเร็จเพื่อไปให้ถึงฝั่งของความฝัน

อิสรภาพจากการทำงาน หรือการเลือกทำงานอย่างมีอิสรภาพ ไม่ใช่เพื่อว่าจำเป็นต้องทำแต่จะทำเพราะเราอยากทำ หากสามารถดำเนินชีวิตแบบนี้ได้ เพื่อน ๆ คิดดูสิว่ามันจะน่าวิเศษมากมายขนาดไหน ที่พูดมานี้อาจเป็นฝันที่ดูคล้ายจะเลื่อนลอย หรือบางคนอาจมีข้อแย้งว่า ในโลกแห่งความเป็นจริงมันจะเป็นไปได้เหรอ ? มันจะทำได้เหรอ ?  แต่ผมอยากให้เพื่อน ๆ คิดดูนะครับว่า หลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างก็สำเร็จด้วยความฝันและจินตนาการด้วยกันทั้งนั้น หลายสิ่งหลายอย่างสร้างมาจากความฝันไม่มีตัวตน แต่ทำให้มันมีตัวตนออกมาได้  ดังนั้นหากเรามุ่งมั่นมากพอ เรียนรู้และเสาะแสวงหาวิธีการที่มันเป็นไปได้ มันก็สามารถเป็นไปได้เช่นกัน

ตัวอย่างความฝันของผม ก็อาจจะคล้ายกับความฝันของบางคน เพราะมนุษย์เรานั้นมีความต้องการเป็นอิสระด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ว่าใครที่จะกล้าก้าวออกมาจากกรอบที่มีคนวางไว้ หรือกำแพงที่ตัวเราเองเป็นคนสร้างมันขึ้นมา หากมีความกล้าที่จะทะลายกำแพงที่ขวางกั้น คำว่าอิสรภาพก็น่าจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

วันนี้คุณได้สร้างความฝันอันมีคุณค่าขึ้นมาบ้างหรือยัง และเมื่อมีความฝันอันเจิดจรัสแล้ว ได้พยายามมุ่งมั่นสร้างความฝันนั้นให้เป็นความจริงแล้วหรือยัง หากบางคนที่ยังไม่ได้คิดหรือสร้างความฝันขึ้นลองหลับตาและจินตนาการถึงชีวิตที่เราอยากได้ อยากเป็น ดูครับ บางทีคุณอาจมีเป้าหมายเพื่อไปให้ถึงความฝันนั้นอยู่ในใจแล้วก็ได้


ขอให้ทุกท่านฝันดี และสร้างความฝันเหล่านั้นให้เป็นจริงให้จงได้ เราจะมุ่งมั่นสร้างความฝันไปด้วยกัน..
READ MORE
โพสนี้เป็นโพสแรกของบล็อกแห่งนี้ ตอนแรกผมคิดว่าจะเขียนโพสเพื่อต้อนรับเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่าน แต่ด้วยผมนั้นมีความคิดที่อยากจะเป็นอิสระจากการงานที่รุมเร้า และหาทางออกจากคอกกั้นอันแสนทรมาน และอยากจะลาออกจากความรู้สึกที่ต้องตื่นเช้า เข้างาน 8 โมง ฝ่าฝูงชนมนุษย์คอกกั้นทั้งหลายไปกินข้าวเที่ยง รอคอยเวลาเลิกงาน 5 โมงเย็น และคอยให้ถึงวันศุกร์หรือวันเสาร์เร็ว ๆ เพื่อที่จะได้มีความสุขกับวันอาทิตย์ และต้องทุกข์ทรมานในเช้าวันจันทร์ที่ต้องตื่นเช้าไปทำงาน  ที่เป็นเหมือนวัฏจักรอันซ้ำซากอันเหมือนจะไม่มีวันหมดสิ้น

Image courtesy of [Naypong] / FreeDigitalPhotos.net

ผมจึงมีคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเราถึงไม่สามารถออกแบบชีวิตตัวเองได้ และจะทำอย่างไรเราจึงจะสามารถหลุดพ้นจากวัฏจักรเหล่านั้นได้ ชีวิตการทำงานในองค์กรที่คิดว่ามั่นคงมา 11 กว่าปี พอมาดูมาวิเคราะห์จริง ๆ แล้ว ความคิดที่เราเคยคิดว่ามันมั่นคงแต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มั่นคงอย่างที่คิดเลย (หากผู้อ่านไม่เชื่อก็ลองหาเวลาว่าง ตอนที่จิตใจสบาย ๆ แล้วลองคิดถึงเวลาทำงานตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปัจจุบันและต่อไปในอนาคต ลองเอามาเปรียบเทียบกับการที่เราจะออกมาใช้ชีวิตที่เป็นอิสระ ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงานที่เราออกแบบเองเป็นของเราเองว่าอันไหนจะมั่นคงและดีกว่ากัน)

ผมเฝ้าครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถมีอิสรภาพทางด้านการงานและการใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการ และได้เขียนมันออกมาในกระดาษ ซึ่งในบทความแรกนี้ จึงขอเอาไว้เป็นบทความแสดงถึงเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องทำให้ได้ (ดังคำที่นักเขียนร้อยล้าน คุณสมคิด  ลวางกูร ได้กล่าวเอาไว้ว่า เมื่อคุณมีเป้าหมาย คุณต้องประกาศให้คนทั้งโลกรู้ และต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อทำเป้าหมายนั้นสำเร็จให้จงได้) ดังนั้นผมจึงขอประกาศเป้าหมายของผมเอาไว้ ณ ตรงนี้เลยก็แล้วกันครับ ซึ่งเป้าหมายนี้เป็นเป้าหมายหลักที่ยังไม่ได้ลงรายละเอียด

และนี่คือเป้าหมายสู่เส้นทางอิสรภาพที่ผมต้องการ

  1. ลดเวลาการทำงานจากเดิม (งานประจำ) ลงครึ่งหนึ่งจากวันละ 9 ชั่วโมง เหลือวันละ 4-5 ชั่วโมง
  2. รายได้ที่ต้องการเดือนละ 50,000 บาทเป็นอย่างต่ำ
  3. มีเวลาให้กับครอบครัว, ท่องเที่ยว, และสิ่งที่อยากทำมากขึ้น
  4. ออกแบบชีวิตและการทำงานของตนเองได้ เลือกที่จะทำหรือไม่ทำโดยไม่ขึ้นกับผู้ใด

สำรวจตัวเอง
ปัจจุบันผมอายุ 37 ปี มีชีวิตที่ต้องรับผิดชอบอีก 3 ชีวิต คือภรรยาและลูก ต้องการออกจากการเป็นมนุษย์คอกกั้น รีไทร์จากงานประจำเมื่ออายุ 40 ปี ดังนั้นผมมีเวลาเตรียมความพร้อมอีก 3 ปี นับจากปี 2557 เป็นต้นไป

สำรวจค่าใช้จ่ายรายเดือน
ซึ่งในเรื่องค่าใช้จ่ายผมได้เริ่มทำงบประมาณรายรับ – รายจ่าย มาเกือบปีแล้ว จึงรู้ว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนจะอยู่ที่เท่าไหร่ซึ่งค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่ที่ประมาณ 25,000 – 30,000 บาท แต่หากออกจากงานประจำแล้ว คาดว่าค่าใช้จ่ายจะลดลงอีกประมาณ 15-20%

สำรวจแหล่งรายได้ปัจุบันและในอนาคต
  1. เงินเดือนจากงานประจำ เดือนละ 17,750 บาท ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะหายไปทันที่ที่ออกจากงานประจำ (เป็นรายได้แบบ Active Income)
  2. รายได้จากงานขายภาพถ่าย Stock Photo  (เริ่มทำแล้ว เป็นรายได้แบบ Passive Income)
  3. รายได้จากการทำเว็บติดโฆษณา Google Adsense, Infolink (เริ่มทำแล้ว เป็นรายได้แบบ Passive Income)
  4. รายได้จากการรับจ้างเขียนบทความ (ยังไม่ได้เริ่ม  เป็นรายได้แบบ Active income)
  5. รายได้จากการเขียน E-book ขาย (ยังไม่ได้เริ่ม เป็นรายได้แบบ Passive Income)

ปล. รายได้แบบ Active Income คือ รายได้ที่ต้องมีการลงแรงทำงาน หากไม่ทำก็ไม่มีรายได้   ส่วนรายได้แบบ Passive Income นั้นเป็นรายได้ที่เราทำงานครั้งเดียวหรือโปรเจคเดียว แล้วสามารถทำเงินได้ตลอดเราไม่ต้องมาทำงานซ้ำอีกหรือหากจะทำก็เข้ามาดูหรือปรับปรุงเล็ก ๆ น้อยเท่านั้น ซึ่งผมจะให้ความสำคัญกับการหารายได้แบบนี้เป็นพิเศษครับ

สิ่งที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มทักษะให้ชำนาญยิ่งขึ้น
  1. พัฒนาความสามารถทางด้านการถ่ายภาพและตกแต่งภาพให้ชำนาญขึ้นกว่าเดิม
  2. พัฒนาทักษะทางด้านการเขียนหนังสือ
  3. พัฒนาทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ (ข้อนี้อ่อนมาก)
  4. เพิ่มการอ่านหนังสือให้มากขึ้นกว่าเดิม

ทั้งหมดนี้เป็นเป้าหมายและการวิเคราะห์เส้นทางสู่อิสรภาพทางด้านการงานของผมแบบคร่าว ๆ ซึ่งยังไม่ได้ลงในรายละเอียดมากนัก ก็ขอเอามาลงไว้เป็นประกาศกดดันตัวเองกันก่อน แล้วอีก3 ปีข้างหน้ามาดูกันว่าจะสำเร็จหรือไม่ ผมจะหลุดจากวงจรการเป็นมนุษย์คอกกั้นได้สำเร็จหรือว่ายังทนหดหู่กับงานประจำอันเดิมต่อไป... ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อ่านจนจบครับ

"ถ้าคุณไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า คุณก็ไม่มีวันที่จะสำเร็จในเป้าหมายที่วางไว้"




READ MORE