เป้าหมายในการส่งรูปขายที่ Shutter Stock ผมได้วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นปีว่าต้องส่งรูปให้ผ่าน มีภาพออนไลน์พร้อมขายจำนวน 10,000 ภาพภายในสิ้นปีนี้ 2558 แต่พอนับถึงปัจจุบัน สิงหาคม 2558 ยังมีภาพที่ผ่าน เพียง 2,800 กว่าภาพเท่านั้นเอง ยังห่างไกลกับเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้อีกมาก

พอกลับมาดูการอัตราการผลิตงานและอัตราภาพที่ผ่านการตรวจแล้ว 
คิดว่าภายในสิ้นปีนี้ 2558 คงไม่ถึง 10,000 ภาพอย่างแน่นอน

ดังนั้น ผมจึงต้องขอลดเป้าลงครึ่งหนึ่ง คือขอ 5,000 ภาพภายในสิ้นปี 2558 
ซึ่งดูจะเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ที่สุด และคิดว่าถ้ายังคงอัตราการผ่านภาพดังเช่นปัจจุบัน
ก็น่าจะถึงเป้าอย่างแน่นอน และอาจจะเกินเป้าไปบ้างเล็กน้อย

ปัญหาส่วนใหญ่เลยก็คือ ไอเดียตัน คิดไม่ออกว่าจะถ่ายภาพอะไรไปขายดี 
ซึ่งตอนนี้เท่าที่ทำได้ก็คือ การดูภาพในคีเวิร์ดต่าง ๆ ที่เราสนใจ
ว่าช่างภาพคนอื่น ๆ เค้าถ่ายอะไรกัน ก็ดูเอาไว้เป็นแนวทาง สร้างแรงบันดาลใจกันไปครับ





READ MORE
"นักเขียนออนไลน์" คำนี้ผ่านเข้ามาในสมองหลายครั้งหลายครา ผมเคยคิดหลายครั้งว่าอยากจะเขียนบทความขาย ซึ่งก็ได้แต่คิด แต่ยังไม่ได้ลงมือทำเป็นจริงเป็นจังเสียที ก็ไม่ทราบตัวเองว่าเป็นอะไร ซึ่งเคยสงสัยตัวเองว่า เราจะมีความสามารถเป็นนักเขียนบทความขายได้หรือไม่..


ซึ่งจริง ๆ แล้วผมเคยลองเขียนบทความมาครั้งหนึ่งแล้ว
แต่เมื่อนานมาแล้ว เป็นการทดลองเขียนให้ฟรี
โดยให้คนที่ต้องการบทความส่งหัวข้อมาให้ แล้วผมก็ทำการเขียนตามหัวข้อที่ได้มา
ซึ่งก็สามารถเขียนไปได้เกือบ 100 บทความ
ตอนนั้น ก็สามารถสรุปอะไรบางอย่างได้ว่า
หากหัวข้อที่ได้มาเป็นเรื่องที่เราถนัด มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญ ก็จะสามารถเขียนได้อย่างรวดเร็วลื่นไหล
ส่วนหัวข้อไหนที่ยาก และไม่ถนัด ก็จะเขียนได้ช้า
เพราะต้องทำการหาข้อมูล รวบรวมข้อมูลมาอ่านให้เข้าใจและเขียนออกมาเป็นภาษาของเรา
ซึ่งในช่วงนั้นก็สามารถเขียนได้พอสมควร

แต่ก็ได้หยุดการเขียนไปพักใหญ่ ๆ เนื่องด้วยไม่ค่อยมีเวลา (นี่อาจเป็นข้ออ้าง) หรืออาจขี้เกียจไปบ้าง
แต่ความคิดที่อยากจะรับเขียนบทความขาย ให้เป็นเรื่องเป็นราวก็ยังคงอยู่ ยังไม่จางหายไปไหน

เนื่องด้วยผมทำหลายอย่าง ทั้งอาชีพประจำ, ถ่ายภาพขายออนไลน์, และทำเว็บ
จึงทำให้เวลาที่จะเขียนบทความน้อยลงไป
ซึ่งการเขียนบทความนั้น ต้องใช้สมาธิและใช้พลังเป็นอย่างมาก
และอีกอย่างที่สำคัญคือ กลัวว่าเมื่อรับงานเขียนบทความมาแล้วจะเขียนไม่เสร็จตามกำหนดเวลา
ซึ่งจะทำให้ผู้ว่าจ้างเสียเวลาและเสียความรู้สึก จึงยังขอชะลอเอาไว้ก่อน

แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังไม่ทิ้งงานเขียนบทความขายไปซะทีเดียว
ก็พยายามจะหาเวลามาเขียนบทความลงบล็อกแห่งนี้ ให้บ่อย ๆ เพื่อเป็นการอัพเดท และฝึกการเขียนไปด้วย
ซึ่งก็ได้แต่หวังว่า ไฟกองนี้จะยังไม่มอดไหม้จางหายไปเสียก่อน
จะพยายามเติมเชื้อไฟให้ครุกกรุ่นอยู่เสมอ...



READ MORE
ไม่มีไรมากแค่แวะมาบอกว่า เศร้า!! ส่งรูปไปให้ SS ตรวจ 20 รูป เช้านี้ SS ส่งเมล์มาแจ้งผลการตรวจรูป ตกเกือบยกชุด เจอข้อหา Poor Light และ Focus อีกแล้ว (555 ยังไม่ชินอีกเหรอ)

นี่คือหลักฐานบางส่วน  ขอตัวเศร้าแฟ๊บบบบ


แต่ไม่เป็นไร ขอเอาไปแก้ไขแล้วลองส่งใหม่อีกซักรอบ เผื่อจะผ่านได้บางส่วน สู้ ๆ เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ -_-

READ MORE
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกท่าน หลังจากที่ผมได้ประกาศเป้าหมายไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา อ่านเป้าหมายปี 2558 ของผมได้ที่นี่ คลิ๊ก ผมก็ได้เริ่มลงมือทำหลายสิ่งหลายอย่างตามเป้าหมาย แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ลงมือทำ

ที่ได้ลงมือทำไปแล้วก็คือเรื่องเป้าหมายการฝึกภาษาอังกฤษ ซึ่งก็ได้ฝึกในเรื่องการฟังและพูด อยู่ทุกวัน ซึ่งถือว่ายากพอสมควรกับคนในวัยกลางคนที่มาเริ่มฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริง ๆ จัง ๆ
แต่ก็นั่นแหละนะ เพราะมันคือเป้าหมายและอยากทำให้สำเร็จให้ได้ เพราะเคยพลัดวันประกันพรุ่งมาหลายต่อหลายปี ซึ่งปีนี้ก็จะเอาจริงเสียที

เรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง

ซึ่งบทที่ฝึกฟังฝึกพูดก็มีแค่ 10 กว่าประโยค ฟังซ้ำไปซ้ำมา พูดตามซ้ำไปซ้ำมา
แรก ๆ ก็เหนื่อยเพราะพูดเท่าไหร่ก็ไม่เหมือนต้นฉบับซักที ซึ่งในตอนแรกผมจะใช้วิธีฟังหนึ่งประโยค แล้วก็พูดตาม แล้วก็กดฟังประโยคต่อไปแล้วก็พูดตาม พอฟังและพูดมาได้มากชั่วโมงเข้า มันก็เริ่มจะฟังชัดขึ้นมาบ้าง ถึงแม้บางคำจะยังพูดให้เหมือนไม่ได้แต่ก็ดีขึ้นมามากแล้ว หากเราฟังชัดเราก็จะพูดชัดตามไปด้วย

ซึ่งการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตนเองแบบนี้ ต้องอาศัยวินัย ความอดทนและความสม่ำเสมอ เป็นอย่างมาก เพราะไม่มีใครมาบังคับเราว่าให้ฝึกหรือไม่ให้ฝึก เราต้องบังคับตัวเองให้ได้ ซึ่งเมื่อก่อนผมจะตื่นนอนประมาณ 6 โมงเช้า พอมาเริ่มฝึกภาษาอังกฤษก็จะตื่นเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก 1 ชั่วโมง คือตื่นตอนตีห้า แล้วก็มาฝึกฟังและพูด และหลังจากนั้นก็หาเศษเวลาฝึกเอาในระหว่างวัน ซึ่งก็ถือว่าได้เวลาฝึกรวม ๆ กันต่อวันก็พอสมควร

การเรียนภาษาอังกฤษนั้นเป็นการฝึกทักษะอย่างหนึ่ง คือเมื่อเราฝึกมากพอทำซ้ำจนชำนาญเราก็จะเก่งไปโดยอัตโนมัติ แต่ก็ต้องอาศัยความขยันและไม่ย่อท้อ (ซึ่งก็คือสิ่งสำคัญในการจะทำอะไรก็ตามแต่นั่นแหละครับ)

เป้าหมายในการฝึกภาษาอังกฤษให้สำเร็จนี้เป็นเป้าหมายหลักที่ต้องทำให้ได้ ไม่สำเร็จไม่ล้มเลิก ขอเพื่อน ๆ เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
READ MORE
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกท่าน ขอสวัสดีปีใหม่กับทุกท่านที่เข้ามาอ่านบล็อกแห่งนี้ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในทุกเรื่องที่ปรารถนาครับ 

คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนนั้นเป็นที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจน และมุ่งมั่นทำเป้าหมายของตนจนสำเร็จ ดังนั้นหากเราต้องการประสบความสำเร็จก็ต้องมีการตั้งเป้าหมายกันบ้าง วันนี้เป็นโอกาสดีเพราะเป็นวันเริ่มต้นของปี เพราะฉะนั้นเรามาตั้งเป้าหมายของปี 2558 ไว้เป็นหลักฐานกันดีกว่าครับ และสำหรับผมก็ได้ตั้งเป้าหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอเอามาประกาศ ณ ที่แห่งนี้กันเลย (ก็เพื่อเอาไว้กดดันตัวเองนั่นแหละครับ)





เป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จในปี 2558


     1. ส่งรูปในพร็อต Shutter Stock ให้ได้ 10,000 รูป
  •     ปัจจุบัน (2-1-2558 มี 1,232 รูป) 10,000-1,232 = 8,768 รูป (เป้าหมาย)
  •     ต้องส่งรูปให้ผ่านเดือนละ 731 ตกอาทิตย์ละ  183 รูป
  •    เพราะฉะนั้นต้องทำรูปส่งให้ผ่านวันละ 25 รูป (ต้องผ่านทั้งหมด) 
     2. ทำเว็บ Amazon สายขาวคุณภาพ 1 เว็บ
  • ทำเป็นเว็บรีวิวสินค้า โดยจ้างเขียนบทความที่ 750 คำ/$1
  • ในเดือนแรกลงบทความทุกวัน ๆ ละ 1 บทความ
  • หลังจากนั้น ลงบทความเดือนละ 15-20 บทความ ไปเรื่อย ๆ 

     3. เรียนโปรแกรม Illustrator ใหม่เริ่มตั้งแต่ศูนย์ให้สำเร็จ
  • เรียนโดยการดู Tutorials และทำตามวันละ 1 บท ทุกวัน 
     4. ทำบล็อกฟรีภาษาไทยจาก Blogspot จำนวน 500 บล็อก
  •  ให้ทำให้เสร็จทีละบล็อก โดยหาคีย์เวิร์ด จาก Google  Adword และหาบทความจากหนังสือเก่า ๆ หรือรีไรท์บทความจากเว็บต่าง ๆ (โดยการอ่านและเขียนขึ้นมาใหม่)       
    5. ฝึกฟังและอ่านภาษาอังกฤษทุกวันวันละ 1 ชั่วโมง (ตอนเช้า)
  • ใช้เวลาตอนเช้าเป็นช่วงเวลาฝึก คือ 05.00 – 06.00 น. ทุกวัน
  • โดยการฟังอย่างตั้งใจ 30 นาที และ อ่านอย่างตั้งใจอีก 30 นาที
  • ให้หาคลิปและบทความเพื่อฟังและอ่านจาก internet            
    6. อ่านหนังสือแนวความรู้พัฒนาตนเองเดือนละ 1 เล่ม
  • หักเงินจากเงินเดือนซื้อหนังสือเดือนละ 1 เล่ม  อ่านทุกที่ที่มีเวลาว่าง 
    7. เขียนบทความลงบล็อกส่วนตัวและบล็อกการตลาดทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 บทความ
  • เขียนบทความลงบล็อกส่วนตัวโดยเขียนเป็นไดอารี่หรือเขียนจากความรู้สึกนึกคิด ไม่จำกัดเรื่องและไม่จำกัดจำนวนคำ คิดอะไรได้ก็เขียนไปเลย เพื่อเป็นการฝึกเรียบเรียงข้อมูลและฝึกการเขียน 
    8. ทำเงินรายได้จาก Internet จากทุกช่องทางรวมกันให้ได้เดือนละ 60,000 บาท (ตกวันละประมาณ $70)
  • อันนี้จะเป็นผลลัพท์จากการทำทุกอย่างใน 7 ข้อข้างบนนั่นเองครับ
      ทั้งหมดนี้เป็นเป้าหมายของผมที่จะต้องมุ่งมั่นทำให้ประสบความสำเร็จ การตั้งเป้าหมายอย่าตั้งเพียงแค่ลอย ๆ ต้องเขียนมันออกมา จะเขียนในกระดาษด้วยดินสอปากกา หรือจะเขียนในคอมพิวเตอร์ก็ได้ แล้วลงรายละเอียดกันมันให้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นขั้นตอนและแนวทางในการเดินทางไปสู่เป้าหมายของเรานั่นเอง และที่สำคัญ อย่าลืมกลับมาอ่านและปรับปรุงวิธีการไปสู่เป้าหมายของเราเป็นระยะ ๆ เพื่อความสำเร็จในปลายทางครับ  

    สุดท้ายนี้ก็ขอให้เพื่อน ๆ ทุกท่านมีความสุขและโชคดีตลอดปีและตลอดไปครับ





READ MORE
สวัสดีครับ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ผมได้ออกทริปปั่นจักรยานเสือภูเขากับกลุ่มเพื่อน ๆ ทีม Mr.bicycle ซึ่งเป็นทริปที่ค่อนข้างไกล ไปกลับประมาณ 108 กิโลเมตร ซึ่งเป็นทริปพิชิตภูพญาพ่อ ซึ่งเป็นเขตรอยต่อระหว่าง จ.แพร่กับจ.อุตรดิตถ์  ก็ออกจากแพร่ประมาณ 8 โมงเช้า ไปกันทั้งหมด 6 คน ซึ่งในทริปนี้มีเสือน้องใหม่ มาร่วมด้วย ซึ่งเป็นเด็กอายุ 14 ปี ที่เพิ่งหัดปั่นเสือภูเขา และยังไม่เคยออกทริปปั่นไกล ๆ แบบนี้ ก็ต้องมีการช่วยผลักช่วยดันกันพอสมควร

ทริปนี้มีรูปนิดเดียว กับคลิปที่ถ่ายมาจากกล้องมือถือ จึงมีรายละเอียดไม่มาก ต้องขออภัยด้วยครับ



รูปครับ






อันนี้เป็นคลิปครับ



ขอบคุณที่รับชมครับ
READ MORE
มีคนพูดไว้ว่า การทำงานประจำไปนาน ๆ เราจะเริ่มติดอยู่กับกับดักที่มองไม่เห็น เช่น เงินเดือนประจำ ที่พอสิ้นเดือนก็ได้รับประจำ, ตำแหน่งที่บริษัทมอบให้ (แต่เราลืมคิดไปว่าเค้าให้ยืมมาแค่ชั่วคราว), ความมั่นคง (ที่เราคิดเอาเองว่าได้รับเงินเดือนทุกเดือน สิ้นปีมีโบนัส นั้นเป็นสิ่งที่มั่นคง ?) ทุกสิ่งที่พูดมานี้ล้วนเป็นกับดักที่มองไม่เห็น เราและใครอีกหลาย ๆ คนก็กำลังติดกับดักนี้อยู่ 



บางคนทำงานมาเป็น 10 ปี 20 ปี จึงยากที่เปลี่ยนแปลงและริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตนเอง บางคนอาจจะพอใจกับเงินเดือนและหัวโขนที่เค้าให้ยืมมา แต่จะรู้ตัวอีกทีก็ถึงวันที่เค้าขอสิ่งเหล่านั้นกลับคืน หากไม่มีการเตรียมการที่จะรองรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในวันนี้แล้ว เมื่อ Deadline มาถึงเมื่อไหร่แล้วจะหาที่ยืนของตนเองได้อย่างไร และเราก็ไม่อาจทราบได้ว่า Deadline ของแต่ละคนนั้นจะมาช้าหรือเร็วเพียงใด ดังคำกล่าวที่ว่า "สิ่งแน่นอนนั้น คือสิ่งที่ไม่แน่นอน" อาจจะเป็นพรุ่งนี้ สัปดาห์นี้ เดือนนี้ หรือปีนี้ ก็ได้ 



"พนักงานประจำส่วนใหญ่ทำงานเพียงแค่พอจะไม่ถูกไล่ออก ส่วนบริษัทก็ให้เงินเดือนและสวัสดิการเพียงแค่จะไม่ให้พนักงานลาออก"

คำกล่าวข้างต้นนี้เป็นจริงเสียยิ่งกว่าจริง ดังนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่า การมองหาความมั่นคงในการเป็นพนักงานกินเงินเดือนอยู่นั้นไม่มีจริง ในชีวิตคนเรานั้นมีความเสี่ยงอยู่ทุกขณะ ทุกเวลา และทุกการกระทำ คุณลองนั่งพิจารณาให้ดี ๆ ก็จะมองเห็นถึงความเสี่ยงที่ว่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อในทุกช่วงเวลาของเรามีความเสี่ยงอยู่แล้ว ทำไมเราไม่มาลองเสี่ยงเพื่อตนเองดูบ้างล่ะ ? เป็นคำถามที่น่าคิด...

ส่วนตัวผมเอง การทำงานในชีวิตของการเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในปีนี้ (2557) 1. ผมถูกย้ายที่ทำงาน (ทำบริษัทเดิมแต่ย้ายสาขา) ให้ไปไกลกว่าเดิม 2. ค่าใช้จ่ายในการเดินทางหลักเพิ่มขึ้น 3. ค่าใช้จ่ายในการเดินทางส่งลูกไปโรงเรียนเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว 4. ต้องตื่นเช้ากว่าเดิมอีก 1 ชม.

ทางแก้ปัญหาเพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางคือผมใช้จักรยานปั่นมาทำงานทุกวัน ไป-กลับ ประมาณ 45 กม. และเป็นการซ้อมปั่นจักรยานไปในตัว ที่สำคัญได้สุขภาพแข็งแรงขึ้น แต่ก็เสี่ยงอุบัติเหตุบ้างบางช่วง ต้องคอยระวังหลังช่วงที่ออกสู่ถนนใหญ่เพราะรถยนต์บรรทุกเยอะพอสมควร นี่คือการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของผม ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงไปไม่มากแต่ก็มีผลกระทบต่อครอบครัวพอสมควร แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด ๆ ก็คือความไม่แน่นอน และก็ไม่รู้ว่าอีก 2-3 ปี ข้างหน้าจะต้องย้ายไปไหนอีก 

เพราะฉะนั้น เมื่อหันกลับมามองตัวเอง มาคิดถึงเส้น Deadline ของตัวเอง ถึงแม้จะยังมองไม่เห็นว่าเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ควรประมาท ซึ่งก็ต้องเร่งทำงานไม่ประจำที่กำลังทำอยู่ ให้มาแทนที่งานประจำนี้ให้ได้ตามเงื่อนไขที่เคยกำหนดไว้ เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราต้องคืนสิ่งที่เค้าให้ยืมมาในอนาคต เราก็ยังมีสิ่งที่เป็นของ ๆ เราไว้คอยซับพร็อตให้เรามีอนาจักรเป็นของตัวเอง หรือที่เรียกว่าการเป็นนายตัวเองนั่นแหละ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่เมื่อได้ลงมือแล้วและหากไม่ย่อท้อ ความสำเร็จก็จะมาถึงในไม่ช้าอย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้ ผมอยากบอกกับทุกท่านที่ยังเป็นพนักงานประจำกินเงินเดือนอยู่ว่า อยากให้มองเห็นถึงกับดักนี้ และหาทางเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้กับตัวเอง การถลำลึกเข้าสู่กับดักนี้แล้วมันยากที่จะถอนตัวออกมา เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร จะมีชีวิตที่มีคุณค่าต่อไปอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องคิดกันล่วงหน้าไว้ได้แล้ว... ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่าน ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ


READ MORE